
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ ศูนย์คาดการณ์เทคโนโลยีเอเปค (APEC Center for Technology Foresight: APEC CTF) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “APEC Foresight Workshop: Resilient Futures for Emerging Infectious Diseases” ระหว่างวันที่ 10–11 กันยายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการ Comparative Analysis and Foresight of Emerging Infectious Diseases (PPSTI 206 2024A) ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก APEC โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คนจากเขตเศรษฐกิจ APEC ต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย เปรู สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย






ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. และผู้อำนวยการศูนย์คาดการณ์เทคโนโลยีเอเปค กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมโดยได้แนะนำศูนย์ฯ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2541 ในฐานะศูนย์คาดการณ์อนาคตระดับภูมิภาคแห่งแรกของโลก และได้มีการจัดทำรายงาน “Roadmapping Converging Technologies to Combat Emerging Infectious Diseases” ซึ่งเผยแพร่โดยเอเปคในปี พ.ศ. 2551 ถือเป็นแผนที่นำทางด้านโรคอุบัติใหม่ฉบับแรกของภูมิภาค ดร.สุรชัย กล่าวว่า ความพร้อมในการรับมือไม่ได้อาศัยเพียงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ต้องอาศัย foresight ความร่วมมือ และการลงมือปฏิบัติร่วมกัน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคจากสัตว์สู่คน การเดินทางระหว่างประเทศที่รวดเร็ว และเทคโนโลยีที่พลิกผัน
จากนั้น รศ.ดร.อภิศักดิ์ ธีระวิสิษฐ์ รองผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ รับฟังการบรรยาย รวมถึงถ่ายรูปและมอบของที่ระลึกให้แก่วิทยากรและผู้เข้าร่วมอภิปราย






การประชุมวันแรก มีการบรรยายปาฐกถาพิเศษเรื่อง “The Art and Science of Foresight” โดย ดร.นเรศ ดำรงชัย ได้นำเสนอ 5 Foresight Mindsets และเน้นแก่นสำคัญของการคาดการณ์อนาคตว่า “วิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการคาดการณ์อนาคต คือการลงมือสร้างอนาคตนั้นด้วยตนเอง” และเวทีการเสวนา “Three Pillars of EID Resilience: 1) Climate–Environment-Zoonotic Interface 2) Technology-Surveillance-Response and 3) Governance-Economics-Regional Cooperation” นำโดย รศ.ดร.หวัง หงุ่ยตระกูล จากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล Prof. Ni Luh Putu Indi Dharmayanti จากสถาบันวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติอินโดนีเซีย ผศ.ดร.ส.พญ.ดวงพร พิชผล จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นพ.ศุภณัฐ วงศานุพัทธ์ จากกรมควบคุมโรค และ Prof. Kuniko Urashima จากมหาวิทยาลัยนาโกย่า ซึ่งเน้นประเด็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความสำคัญของ One Health การใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อเฝ้าระวังโรค และบทบาทผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การใช้เครื่องมือคาดการณ์อนาคต ต่อด้วย Technical Briefing โดย ดร.ฐิติมา สงเคราะห์ Project Overseer จาก สอวช. ได้อธิบายกระบวนการทำงานกลุ่มเพื่อสร้างฉากทัศน์ (Scenario Building) จำนวน 4 ฉากทัศน์ในแต่ละกลุ่มย่อย เพื่อเป็นพื้นฐานในการนำเสนอผลลัพธ์ในวันที่สอง






ช่วงเย็นมีการจัด Welcome Networking Dinner ซึ่งทาง รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวต้อนรับเข้าร่วมกิจกรรมในบรรยากาศที่อบอุ่น พร้อมมีการแสดงดนตรีและวัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างความประทับใจและเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ







การประชุมเชิงปฏิบัติการวันที่สอง เริ่มต้นด้วยปาฐกถาพิเศษ “EIDs in Practice” โดย Prof. Ni Luh Putu Indi Dharmayanti จาก National Research and Innovation Agency of Indonesia (BRIN) ซึ่งนำเสนอประสบการณ์การควบคุมโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ เช่น วัณโรค มาลาเรีย โรค ไข้เลือดออก (Dengue) และโรคจากสัตว์ของอินโดนีเซีย พร้อมชี้ถึงความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเดินทางระหว่างประเทศที่รวดเร็ว และการดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) ที่จำเป็นต้องรับมือด้วยแนวทาง One Health และความร่วมมือระดับภูมิภาค จากนั้นเป็นการนำเสนอผลการทำงานกลุ่มย่อย โดยมี Mr. Matthew Andersen จาก U.S. Geological Survey (USGS) รศ.ดร.หวัง หงุ่ยตระกูล จากมหาวิทยาลัยมหิดล ผศ.ดร.ชยสิทธิ์ อุตมาภินันท์ จากสถาบันวิทยสิริเมธี ดร.นัทธรัตน์ มงคลสินธุ์ ดร.ปรีชา เกียรติกิระขจร และ ดร.ณัฐวุฒิ อนุนิวัฒน์ จาก APEC CTF ร่วมนำเสนอผลฉากทัศน์ที่พัฒนาร่วมกัน โดยใช้ประเด็นสำคัญเป็นแกน X และ Y ได้แก่ กลุ่มที่ 1: การเฝ้าระวังโรคและข้อมูล (Surveillance & Data) และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลุ่มที่ 2: ความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุขและทางเทคโนโลยี และ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และกลุ่มที่ 3: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ การเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูล (Open Data) ซึ่งแต่ละกลุ่มได้พัฒนาเป็น 4 ฉากทัศน์ เพื่อสะท้อนอนาคตที่เป็นไปได้หลายทิศทางของโรคอุบัติใหม่ในภูมิภาคเอเปค






นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ได้ตอกย้ำความสำคัญของแนวคิด One Health และการคาดการณ์อนาคตในการเชื่อมโยงระหว่างมิติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กับมิตินโยบาย และการได้หารือร่วมกันระหว่างนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบายจากหลากหลายภาคส่วน จะช่วยสร้างความร่วมมือระดับโลกนำไปสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะช่วยเสริมความพร้อมของภูมิภาค พร้อมมีข้อเสนอให้ในอนาคตควรขยายการดำเนินงานไปสู่ประเด็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เพื่อเสริมความยั่งยืนด้านสุขภาพโดยรวม ในช่วงท้าย ดร.คมเมธ จิตวาณิชไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายคาดการณ์เชิงยุทธศาสตร์และอนาคตศึกษา สอวช. ได้กล่าวปิดประชุมโดยเน้นว่า APEC เป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือข้ามพรมแดน และข้อเสนอจากการประชุมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางสุขภาพ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ทั้งนี้ผลจากการประชุมจะถูกรวบรวมและจัดทำเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อนำเสนอเป็นแนวทางเชิงนโยบายและการดำเนินงานร่วมกันในอนาคตต่อไป






 
  
  
  
  
  
  
  
  
  
 