messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. ฉายภาพระบบและนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทย พร้อมเผยกรอบการสนับสนุนทุนวิจัยให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ประเทศ

กระทรวง อว. โดย สอวช. ฉายภาพระบบและนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทย พร้อมเผยกรอบการสนับสนุนทุนวิจัยให้สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ประเทศ

วันที่เผยแพร่ 26 มิถุนายน 2025 67 Views

(25 มิถุนายน 2568) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้รับเชิญให้ปาฐกถาในหัวข้อ “ระบบและนโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย” ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทางทะเล ครั้งที่ 8 (The 8th Marine Science Conference) จัดโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ณ โรงแรมเรือรัษฎา จังหวัดตรัง

ดร.สุรชัย ได้บรรยายให้เห็นถึงบทบาทของ สอวช. ที่เป็นหน่วยงานทำนโยบาย ทั้งด้านการอุดมศึกษา (อ.) และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) รวมถึงเป็นฝ่ายเลขานุการของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทุกนโยบายที่มาจาก สอวช. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภานโยบายฯ จนออกมาเป็นนโยบายสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ

โครงสร้างหน่วยงานในระบบ อววน. ของไทย แบ่งออกเป็นด้าน อ. มีงบประมาณจากกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา และด้าน ววน. มีงบประมาณจากกองทุนส่งเสริม ววน. ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้จะถูกนำไปจัดสรรให้กับหน่วยงานบริหารและจัดการทุนวิจัย หรือ Program Management Unit (PMU) เพื่อนำไปให้ทุนต่อตามขอบเขตการวิจัยและบทบาทของแต่ละหน่วยงาน มีการกำหนดบทบาทหน่วยให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศให้มีโจทย์การวิจัยและกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ขอทุนที่แตกต่างกัน สอดคล้องไปกับการตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศอย่างครอบคลุมตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยหน่วยงานให้ทุนที่อยู่ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มี 6 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และหน่วยงานที่อยู่นอกกระทรวง อว. อีก 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.)

ดร.สุรชัย ยังได้กล่าวถึงกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566 – 2570 ที่เชื่อมโยงกับแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566-2570 โดยยุทธศาสตร์ของแผนด้าน ววน. แบ่งออกเป็น 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้มีความสามารถในการแข่งขันและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที่ 2 การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหาท้าทายและปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค เพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต และยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลสามารถเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ที่วางไว้ได้ อาทิ แผนยุทธศาสตร์ที่ 2 ในโปรแกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แผนยุทธศาสตร์ที่ 3 ในโปรแกรมการวิจัยขั้นแนวหน้า

“ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนด้าน ววน. ของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 เพื่อนำไปปรับปรุงให้เกิดเป็นแผนฉบับทบทวนสำหรับเปิดรับคำขอในงบประมาณ พ.ศ. 2570 ก่อนจะเริ่มกระบวนการจัดทำแผนด้าน ววน. ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2571-2575 ต่อไป โดยการดำเนินการตามแผนจะต้องมีการติดตามประเมินผลการใช้งบประมาณของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของงบประมาณด้วย” ดร.สุรชัย กล่าว

นอกจากนี้ ดร.สุรชัย ยังได้ชี้ให้เห็นถึงระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประกอบด้วย 1. มาตรการสนับสนุนทางการเงิน เช่น การให้ทุนที่มีประสิทธิภาพ 2. สร้างแรงจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การให้สิทธิลดหย่อนภาษี 200% และการสนับสนุนค่าจ้างค่าใช้จ่ายสำหรับสตาร์ทอัพ 3. การสร้างและพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมให้ตรงกับความต้องการของประเทศ รวมถึงให้มีผู้จัดการนวัตกรรมเพื่อเชื่อมโยงนวัตกรรมสู่ภาคเอกชน 4. ปลดล็อกปัญหาอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม เช่น การจัดตั้งแซนด์บ็อกซ์ การจัดซื้อจัดจ้างด้านการวิจัยและนวัตกรรม การจัดตั้ง Holding Company 5. สนับสนุนให้เกิดความเชื่อมโยงผลงานวิจัยจากภาครัฐ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ประชาสังคม เช่น Intermediary Body และ 6. ส่งเสริมให้เกิดกลไกตลาดนวัตกรรม เช่น บัญชีนวัตกรรม การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการลงทุนของนักลงทุนเอกชน (VC) เป็นต้น

เรื่องล่าสุด