messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. เปิดหลักสูตรนโยบายเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการคาร์บอน หนุนเสริมองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดทำนโยบายในองค์กร เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

กระทรวง อว. โดย สอวช. เปิดหลักสูตรนโยบายเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการคาร์บอน หนุนเสริมองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดทำนโยบายในองค์กร เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

วันที่เผยแพร่ 14 มิถุนายน 2025 32 Views

(13 มิถุนายน 2568) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดพิธีเปิดหลักสูตรนโยบายเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการคาร์บอนสำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 1 (Carbon Management Technology and Innovation Policy for Executives #1) ณ ห้องประชุม Wanalai 2 โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพฯ โดยนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มอบหมายให้นางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวต้อนรับและกล่าวเปิดงาน

นางสาวสุชาดา กล่าวว่า หลักสูตรนี้จัดขึ้นโดย สอวช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศ เป็นหน่วยงานที่สำคัญมากของกระทรวง อว. และยังมีบทบาทเป็นเลขานุการของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ทุกนโยบายที่มาจาก สอวช. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภานโยบายฯ จนออกมาเป็นนโยบายสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งประเด็นปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน นับเป็นความท้าทายสำคัญระดับโลกและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตามที่ได้เห็นตามภาพข่าวสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

“ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)  และผู้ร่วมให้สัตยาบันความตกลงปารีส (Paris Climate Accords)  ได้ประกาศเป้าหมายที่ท้าทายในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 การนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งล้วนเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” นางสาวสุชาดา กล่าว

ขณะเดียวกัน สถานการณ์การค้าโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-tarif Barrier) ล้วนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เช่น ภาษีคาร์บอน หรือ Carbon Tax ที่เริ่มบังคับใช้ในหลายประเทศโดยเฉพาะสหภาพยุโรป ทำให้การจัดการคาร์บอนในระดับองค์กรหรือในห่วงโซ่การผลิตที่มีประสิทธิภาพ กลายเป็นทั้งความจำเป็นและความได้เปรียบในการแข่งขัน

กระทรวง อว. โดย สอวช. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการพัฒนานโยบายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเป็นหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศภายใต้กรอบ UNFCCC ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” (Change Agent) หลักสูตรนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับองค์ความรู้ที่ทันสมัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการคาร์บอน ควบคู่ไปกับองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดทำนโยบายเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ไปพัฒนาแผนงานและนโยบายการบริหารจัดการคาร์บอนในองค์กรของท่าน รวมถึงสร้างความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติต่าง ๆ

ด้าน ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวถึงจุดเด่นของหลักสูตรที่ สอวช. จัดขึ้น โดยจะมุ่งเน้นในประเด็นที่ กระทรวง อว. และ สอวช. มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งแตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ ที่เคยมีมาใน 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1. ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม ที่เราจะไม่ได้มองแค่วิทยาศาสตร์ แต่รวมศาสตร์อื่น ๆ ที่เป็นพหุศาสตร์เข้ามาด้วย ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้นั้น จะต้องให้ความสำคัญทั้งในส่วนการหาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ผ่านการใช้เครื่องมือสำคัญคือเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเรื่องไฮโดรเจน การดักจับคาร์บอน การใช้ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เทคโนโลยีนิวเคลียร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) ด้วย โดย สอวช. ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงที่รับผิดชอบหลักมากขึ้น เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างผลกระทบให้เกิดกับคนในจำนวนมากขึ้น 2. การพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ สอวช. ให้ความสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา สอวช. เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนนโยบายบีซีจีให้กับกระทรวง อว. และประเทศไทย และยังทำงานร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการเป็นผู้แทนหลักของไทยในเวทีเจรจาด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Development and Transfer) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) รวมถึงเชื่อมโยงกับกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และต่อไปอาจจะสามารถเชื่อมโยงการขอสนับสนุนทางด้านการเงินจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) หรือกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility: GEF) ได้ และ 3. เรื่องนโยบาย ที่หลักสูตรนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดทำนโยบาย จาก สอวช. ที่ทำงานเรื่องนโยบายมากว่า 16 ปี ตั้งแต่ยังเป็น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) โดยกระบวนการทำนโยบายจะเริ่มจากการทำวิจัยนโยบาย (Policy Research) จากนั้นจึงเข้าสู่การกำหนดนโยบาย เสนอต่อผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) และผลักดันนโยบายนั้นสู่การนำไปใช้จริง

รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. ยังได้บรรยายในหัวข้อ “นโยบายวิจัยและนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยได้ชี้ให้เห็นถึงภาพระบบวิจัยและนวัตกรรมในปัจจุบัน ผ่านโครงสร้างหน่วยงานและคณะกรรมการในระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงนำเสนอภาพรวมยุทธศาสตร์ภายใต้แผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570 ที่มีประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมรวมอยู่ด้วย

รศ.วงกต ยังได้เผยถึงสถานการณ์การเติบโตของเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีมูลค่าการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น 10 เท่าในปี ค.ศ. 2013-2018 รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 59.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่าการลงทุนแสดงให้เห็นถึงการเติบโตในตลาดและความสนใจของตลาดในด้าน Net Zero โดยเฉพาะในยุโรปที่มูลค่าของเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในปี ค.ศ. 2021

ในส่วนของ สอวช. ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก 10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ผ่านการดำเนินการในโครงการต่าง ๆ อาทิ ระบบนิเวศเมืองและเมืองต้นแบบ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” เชื่อมโยงภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม 23 หน่วยงาน 7 กระทรวง ร่วมขับเคลื่อนต้นแบบพื้นที่คาร์บอนต่ำ, โครงการเครือข่ายมหาวิทยาลัย ขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Campus) โดยมีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกว่า 172 แห่ง, โครงการพัฒนาเครื่องมือระบบการประเมิน BCG สำหรับการสนับสนุนผู้ประกอบการ MSME เป็นต้น นอกจากนี้ สอวช. ยังมีบทบาทระดับนานาชาติ ในการเป็นหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (National Designated Entity: NDE Thailand) และยังทำหน้าที่รับผิดชอบโครงการการประเมินความต้องการเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (Technology Needs Assessment: TNA) ฉบับที่ 2 เพื่อประเมินความต้องการเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจกของไทย จัดทำเป็นรายงานส่งไปที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ด้วย

เรื่องล่าสุด