(1 พฤษภาคม 2567) นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (กอวช.) ครั้งที่ 3/2567 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร สวทช. (โยธี) โดยมีการรายงานผลการดําเนินงานของ สอวช. ไตรมาสที่ 1-2 ประจำปีงบประมาณ 2567

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า การดำเนินงานสำคัญของ สอวช. ในปี 2567 แบ่งเป็น 5 ด้านได้แก่ 1. การยกระดับประเทศไทยให้พ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยการเพิ่มจำนวนบริษัทนวัตกรรม 2. Social Mobility ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) 3. ลดก๊าซเรือนกระจก 10 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 4. เพิ่มสัดส่วนแรงงานทักษะสูง เป็น 25% และ 5. เพิ่มประสิทธิภาพระบบ อววน.

“เราได้สร้างแพลตฟอร์มยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ เข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้เตรียมความพร้อมรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Future Industry) และมีนโยบายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันเราได้สร้างระบบนิเวศส่งเสริมกลไกหนุน GNH Net Zero ตลอดจนสร้างแพลตฟอร์มพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง สร้าง University transformation เพิ่มประสิทธิภาพระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” ดร.กิติพงค์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือเรื่อง อาหารแห่งอนาคต (Future Food) โดย ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมของประเทศไทย เพื่อเป็น Future Food Industry นั้นสามารถทำได้ ซึ่ง สอวช. ได้วางแนวทางไว้คือ ระบบการผลิตอาหารแห่งอนาคตต้องลดการปล่อย GHGs ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว ยังกระจายรายได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ขณะเดียวกัน ประเทศชั้นนำ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ อิสราเอล อินเดีย เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ออกกฎหมายรองรับ Novel Food แล้ว ในส่วนของประเทศไทยเราเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก โดยเมื่อปี 2566 มีมูลค่าตลาดทั้งสิ้น 15 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น Future Food 143,000 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน Future Food ทั่วโลกมีมูลค่า 14 ล้านล้านบาท และเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่ม Functional Food, Functional Ingredient และ Alt protein