สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) นำโดยดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พร้อมกับ ดร.ศรวณีย์ สิงห์ทอง ผู้อำนวยการฝ่าย และ ดร.ดวงกมล พิหูสูตร นักพัฒนานโยบาย ฝ่ายนโยบายเพื่อความยั่งยืน จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ National Institute of Green Technology (NIGT) เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ณ สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกัน โดยความร่วมมือนี้ได้มุ่งเน้นการเข้าถึงกลไกการเงินระดับนานาชาติเข้ามาสนับสนุนร่วมด้วย
หน่วยงาน NIGT เป็นสถาบันวิจัยด้านเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสนับสนุนการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป็นหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการพัฒนาแพลตฟอร์มสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและระดับนานาชาติในด้านนี้ ทั้งนี้ได้มีการร่วมการดำเนินงานกับ สอวช. ในระยะที่ผ่านมา โดย NIGT เป็นหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาศึกษาการพัฒนายุทธศาสตร์และแผนที่นำทางการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนสำหรับประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนการดำเนินงาน UNFCCC ผ่านศูนย์เครือข่ายเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Centre and Network, CTCN) ทั้งนี้ NIGT ได้เล็งเห็นบทบาทของ สอวช. ที่เป็นหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (National Designated Entity, NDE) และจัดทำนโยบายและเป็นเลขานุการสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ จึงเกิดบันทึกข้อตกลงนี้ ซึ่งจะใช้บทบาทของแต่ละหน่วยงานสร้างความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด ข้อตกลงความร่วมมือฯ นี้มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี นับจากวันที่ 2 เมษายน 2567
ภายในงานการจัดทำบันทึกข้อตกลงฯ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง 2 หน่วยงาน และมีบริษัท SK ecoplant เข้าร่วมหารือด้วยเพื่อนำเสนอตัวอย่างเทคโนโลยีสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความพร้อมในการต่อยอดอาทิ การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจากขยะอินทรีย์ เทคโนโลยีการปรับปรุงก๊าซชีวภาพ (Biogas) เป็น Biofuel ที่เรีกว่า Renewable Natural Gas (RNG) ด้วยเยื่อเลือกผ่านที่มีประสิทธิภาพสูง หรือ SKEP Biogas upgrading system ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในปัจจุบัน
นอกจากนี้สถาบัน NIGT ได้พาเข้าเยี่ยมชมศูนย์วิจัยต้นแบบการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแบบครบวงจร ณ Chungju Food Waste Bioenergy Center ตั้งอยู่ในเขตเมืองช็องจู (Chungju) บนพื้นที่ศูนย์วิจัยขนาด 7,200 ตารางเมตร โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้เป็นโรงงานต้นแบบที่แบ่งการผลิตออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ ส่วนผลิต Biogas และส่วนการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งส่วนการผลิต Biogas เป็นการผลิตจากขยะเศษอาหารชุมชนในเมือง Chungju ประมาณ 60 ตันต่อวันและอยู่ในระหว่างการขยายให้ครอบคลุมทั้งเมืองเพื่อเป็นวิธีการกำจัดขยะเศษอาหารไปสู่การผลิตพลังงาน และนำ Biogas ที่ได้ดังกล่าวเข้ากระบวนการผลิตไฮโดรเจนด้วยวิธีการ steam reforming โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 300 Nm3/h หรือประมาณ 348 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยไฮโดรเจนแก๊สที่ผลิตได้จะถูกกักเก็บในถังด้วยกระบวนการบีบอัดแรงดันสูงก่อนจะจ่ายเข้าสู่สถานีโดยท่อลำเลียงแสตนเลสพิเศษซึ่งจำหน่ายภายในบริเวณศูนย์วิจัย และขนส่งไปยังสถานีจำหน่ายอื่นๆ ในเมือง Chungju ต่อไป รวมไปถึงสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถพลังงานไฮโดรเจน (FCEV) มากกว่า 65 คันต่อวัน และรถโดยสารให้บริการสาธารณะมากกว่า 2 คันต่อวัน ซึ่งภาครัฐได้มีการสนับสนุนทางภาษีและสนับสนุนบริษัทเอกชนผลิตรถพลังงานไฮโดรเจน (FCEV) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและใช้งานจริงโดยเริ่มต้นที่เมือง Chungju และขยายไปยังพื้นที่ต่างๆ ต่อไป นอกจากนี้โรงงานผลิตพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวที่เริ่มต้นจากการจัดการขยะเศษอาหารได้มีกระบวนการบำบัดของเสียที่ออกจากระบบร่วมด้วยอาทิ การบำบัดน้ำทิ้ง การบำบัดกลิ่นจากกระบวนการหมักและหมุนเวียนเป็นแก๊สกลับสู่ระบบ และการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ที่รวบรวมได้จากระบบเพื่อใช้ในระบบการปลูกพืชในโรงเรือนอีกด้วย ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้ประโยชน์ (Carbon Capture Utilization, CCU)