messenger icon
×

Development Opportunities For Thailand’s Alternative Protein Industry

วันที่เผยแพร่ 5 พฤศจิกายน 2025

แนวทางการพัฒนาและโอกาสของอุตสาหกรรมโปรตีนทางเลือกในประเทศไทย

อาหารอนาคต (Future Food) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม New S-Curve ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมจาก 330,000 ล้านบาท เป็น 500,000 ล้านบาทภายในปี พ.ศ. 2573 (2030) ผ่านการลงทุน วิจัยและพัฒนา (R&D) การปรับกฎระเบียบและส่งเสริมการค้า แนวโน้มผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดภัย และผลิตอย่างยั่งยืน ทำให้แนวคิดอาหารอนาคตไม่เพียงตอบโจทย์เศรษฐกิจ แต่ยังเชื่อมโยงกับเป้าหมายการลดคาร์บอน และความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว อาหารอนาคตของประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่

  1. อาหารฟังก์ชันและส่วนประกอบฟังก์ชัน (Functional Foods and Ingredients)
  2. อาหารเฉพาะบุคคลและอาหารทางการแพทย์ (Personalized and Medical Foods)
  3. อาหารออร์แกนิกและอาหารไม่ปรุงแต่ง (Organic and whole foods)
  4. โปรตีนทางเลือก (Alternative Proteins)

โดยกลุ่ม โปรตีนทางเลือก เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ครอบคลุมผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-based), โปรตีนจากกระบวนการหมัก (Fermentation-derived Proteins) และเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (Cultivated Meat) ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูง ห่วงโซ่อุปทานใหม่ และบุคลากรเฉพาะทางเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านรสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และต้นทุน

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ Food innopolisมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Good Food Institute Asia Pacific (GFI-APAC) ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระบุแนวทางและโอกาสการพัฒนาอุตสาหกรรมโปรตีนทางเลือกของประเทศไทย โดยเน้นการบูรณาการ 3 ประเด็น ดังนี้

(1) การวิจัยและพัฒนา (Research & Development)

  • สร้างฐานข้อมูลและคลังชีวภาพของจุลินทรีย์ พืช และเซลล์ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีหมักเชิงความแม่นยำและผลิตภัณฑ์โปรตีนใหม่
  • จัดตั้งแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม–สถาบันการศึกษา และกลุ่มวิจัยระดับชาติ (Research Consortium) เพื่อเร่งการพาณิชย์และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

(2) การพัฒนากำลังคน (Workforce Development)

  • พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเฉพาะทาง เช่น วิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ การอัดรีดอาหาร (extrusion) และวิทยาศาสตร์รสชาติ
  • จัดระบบเชื่อมโยงข้อมูลความต้องการแรงงาน (Feedback Loop) เพื่อให้การพัฒนาทักษะสอดคล้องกับตลาด
  • ส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ

(3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Development)

  • จัดทำฐานข้อมูลระดับชาติของศูนย์วิจัยและโรงงานนำร่องด้านโปรตีนทางเลือก
  • ยกระดับศูนย์วิจัยให้ได้มาตรฐาน GMP และขยายความร่วมมือกับองค์กร CDMOs ระดับโลกเพื่อเติมเต็มช่องว่างด้านเทคโนโลยีและการผลิต

การขับเคลื่อนด้านนโยบาย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับบุคลากรจะช่วยให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีนำเข้า สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมแบบครบวงจร และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกในระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพก้าวสู่การเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารอนาคต (Future Food Innovation Hub)” ของภูมิภาค โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนอย่างยั่งยืนต่อไป