messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. เดินหน้าจัดประชุมระดมความเห็นต่อเนื่อง ครั้งที่ 2 มุ่งเป้าจัดทำข้อเสนอและกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

กระทรวง อว. โดย สอวช. เดินหน้าจัดประชุมระดมความเห็นต่อเนื่อง ครั้งที่ 2 มุ่งเป้าจัดทำข้อเสนอและกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

วันที่เผยแพร่ 28 ตุลาคม 2025 193 Views

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (ครั้งที่ 2) เรื่อง “การวางยุทธศาสตร์กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อการบูรณาการและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ภายใต้โครงการศึกษาบทบาทและผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ต่อภารกิจกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมหว้ากอ 1-2 สอวช. อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 14 โดยมี ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวเปิดและชี้แจงวัตถุประสงค์ของการประชุม

ดร.สุรชัย กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกำหนดแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย โดย สอวช. ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในหัวข้อ “บทบาทของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยได้วิเคราะห์ภาพรวมและความเชื่อมโยงของบทบาทกระทรวง อว. ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การวางยุทธศาสตร์และนโยบายด้าน อววน. 2. การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา 3. การพัฒนากำลังคนและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมและการขยายผลเทคโนโลยี และ 5. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในประเทศและระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ได้มีการจัดลำดับความสำคัญของบทบาทกระทรวง อว. เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย โดยใช้เครื่องมือ Importance–Readiness Matrix ประเมินในสองมิติ ได้แก่ ระดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ความสอดคล้องกับ พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผน ววน. รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม และระดับความพร้อมในการดำเนินงาน เช่น ด้านบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

จากผลการวิเคราะห์ ทีมที่ปรึกษาได้จัดกลุ่มประเด็นกลยุทธ์ออกเป็น 4 กลุ่มยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. Quick Wins (High Importance / High Readiness) 2. Strategic Investments (High Importance / Low Readiness) 3. Low-hanging Fruit (Low Importance / High Readiness) และ 4. Monitor and Explore (Low Importance / Low Readiness)

“การประชุมในวันนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อใช้ในการจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์กระทรวง อว. ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเตรียมความพร้อมด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ….. ของประเทศต่อไป” ดร.สุรชัย กล่าว

ในการประชุม ยังได้มีการสรุปผลการระดมความคิดเห็น: การจัดลำดับความสำคัญบทบาท อว. เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ร่าง พรบ.ฯ โดย ดร.จักรพงศ์ พงศ์ธไนศวรรย์ สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาโครงการ และมีการจัดกิจกรรมระดมความคิดเห็น เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยแบ่งเป็น กลุ่มที่ 1: A1 การวางยุทธศาสตร์และนโยบายด้าน อววน. A2 การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา กลุ่มที่ 2: A3 การพัฒนากำลังคนและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม A4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมและการขยายผลเทคโนโลยี A5 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในประเทศและระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ผลจากการประชุมระดมความคิดเห็น พบว่า

1. ด้านการวางยุทธศาสตร์และนโยบายด้าน อววน. (A1)

ผู้เข้าร่วมประชุมเสนอให้กระทรวง อว. ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยควรจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Research and Innovation (R&I) Strategic Plan)” และ “แผนที่นำทางด้านเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ที่สอดคล้องกับแผน NDC แผนพลังงานชาติ แผนการปรับตัว (NAP) และแผนด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งกำหนดกรอบนโยบายบูรณาการเพื่อเชื่อมโยงแผนงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการลงทุนด้านนวัตกรรมและสร้างกลไกกลางเชิงนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อน Climate Action ของประเทศ

2. ด้านการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (A2)

ในส่วนของการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ผู้เข้าร่วมประชุมมีความเห็นว่า อว.ควรมุ่งเน้นการวิจัยเชิงมุ่งเป้า (Targeted Research) และการบูรณาการข้ามสาขา (Multi-disciplinary) เพื่อสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวเชิงพื้นที่ ทั้งนี้ ควรสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีสำคัญ เช่น ระบบ MRV (Measurement, Reporting and Verification) สำหรับติดตามและตรวจสอบข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาแบบจำลองเศรษฐศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อใช้ในการประเมินผลเชิงนโยบาย รวมถึงเสนอการจัดทำกรอบงบวิจัยแบบบูรณาการ (Integrated Funding Framework) เพื่อให้การให้ทุนวิจัยของหน่วยงานให้ทุน PMU ต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ควรส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการสู่ภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคชุมชน เพื่อให้ผลการวิจัยเกิดประโยชน์เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคม

3. การพัฒนากำลังคนและทักษะด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (A3)

ที่ประชุมเห็นว่าการพัฒนากำลังคนถือเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านภูมิอากาศ กระทรวง อว. จึงควรจัดทำ “แผนที่นำทางด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Human Resource Development Roadmap)” เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาทักษะบุคลากรทั้งในระดับนักศึกษา ผู้ปฏิบัติ นักวิจัย และรวมถึงผู้บริหาร โดยมุ่งสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานตามร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้าน MRV นักวิเคราะห์/นักวิทยาศาสตร์/วิศวกรด้านคาร์บอน และนักวางแผนนโยบายภูมิอากาศ พร้อมกันนี้ควรจัดตั้ง “Climate Knowledge Hub” ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ ฐานข้อมูล และการฝึกอบรม รวมทั้งปรับปรุงหลักสูตรอุดมศึกษาและพัฒนาเครือข่ายร่วมกับอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเครือข่าย “Climate Communicators” เพื่อส่งเสริมการสื่อสารวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศให้เข้าถึงสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมและการขยายผลเทคโนโลยี (A4)

ที่ประชุมเสนอให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการจัดการสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน โดยควรพัฒนา “แพลตฟอร์มข้อมูลวิชาการกลางด้าน Climate Change” ที่เชื่อมโยงข้อมูลวิชาการด้านก๊าซเรือนกระจก ข้อมูลภูมิอากาศ ฐานข้อมูลรองรับกลไกเศรษฐศาสตร์คาร์บอน และข้อมูลทางเศรษฐกิจในรูปแบบ Big Data และ Cloud เพื่อสนับสนุนการนำข้อมูลไปใช้ในการวิจัยและนวัตกรรม การติดตาม และการกำหนดนโยบายในระดับประเทศ  พร้อมกันนี้ควรส่งเสริมการสร้างศูนย์นำร่องเทคโนโลยีด้านการปรับตัวในพื้นที่เสี่ยง และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและสตาร์ทอัพเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมสีเขียว เพื่อให้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสามารถขยายผลสู่ระดับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

5. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในประเทศและระหว่างประเทศ (A5)

ในด้านความร่วมมือและการมีส่วนร่วม ที่ประชุมเสนอให้กระทรวง อว. ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความร่วมมือเชิงนโยบายระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยควรจัดตั้ง “คณะทำงานความร่วมมือเชิงนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Climate Change Policy Partnership Science Technology and Innovation Group)” ระหว่างหน่วยงานหลัก เช่น สศช., สส., อบก., สสน., GISTDA และหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อบูรณาการมาตรฐานข้อมูลและแนวนโยบายร่วมกัน นอกจากนี้ ควรพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกลไกทางการเงิน เช่น Green Finance Mechanism และโครงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี (Technology Transfer Program) พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชนในรูปแบบ Public–Private–People Partnership (PPP) เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน Climate Change อย่างมีประสิทธิผล

รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวปิดการประชุม โดยระบุว่า ผลจากการประชุมจากผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนทุกภาคส่วนที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงและยกระดับเป็น ร่างกรอบนโยบายของกระทรวง อว. ต่อไป เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง และสามารถสนับสนุนการดำเนินงานตาม ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลจากการประชุมสะท้อนให้เห็นว่า กระทรวง อว. ควรเป็น “กลไกกลางด้านองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ” โดยบูรณาการ 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ด้านยุทธศาสตร์ ด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านบุคลากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ และนำพาประเทศไทยก้าวสู่ Net zero และการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

เรื่องล่าสุด