messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. – บพข. ร่วมต้อนรับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากเยอรมนีและคณะผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นและหารือความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy in Transition) ในมิติ อววน.

กระทรวง อว. โดย สอวช. – บพข. ร่วมต้อนรับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากเยอรมนีและคณะผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นและหารือความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy in Transition) ในมิติ อววน.

วันที่เผยแพร่ 18 กันยายน 2025 17 Views

(15 กันยายน 2568) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) นำโดย รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. พร้อมด้วย รศ. ดร.จินตวัฒน์ ไชยชนะวงศ์ Program director ด้านแผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน และ รศ.ดร.สุนิดา อรุณพิพัฒน์ ผู้ประสานงานกลุ่ม Circular Economy, Bioenergy, Biochemicals and Biomaterials ของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และคณะทำงาน รวมถึงคุณนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมให้การต้อนรับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากประเทศเยอรมนีและนางสาวชนัญธิญา เตมหิวงศ์ เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือความร่วมมือการวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องในด้านพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านพลังงานระหว่างไทย–เยอรมนี ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนีโดยหลักประกอบด้วย 1) Mr. Christoph Spurk รองประธานสมาคมก๊าซชีวภาพแห่งเยอรมนี (German Biogas Association) 2) Prof. Dr. Christopher Hebling ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศสถาบัน Fraunhofer สำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Fraunhofer for Solar Energy System: ISE) 3) Ms. Melanie Form กรรมการผู้จัดการ สมาคมการบินเพื่อพลังงานหมุนเวียนในเยอรมนี (Aviation Initiative for Renewable Energy in Germany: aireg) 4) นางสาวมงคลยา รุ่งเวชวุฒิวิทยา ผู้จัดการด้านความยั่งยืน (Sustainability Manager) ผู้แทนหอการค้า เยอรมัน – ไทย และ 5) คุณณัฐยา โลนวรรณ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ด้านพลังงาน (Thai German Energy Dialogue: TGED)

รศ.วงกต ได้กล่าวแนะนำหน่วยงานและกล่าวถึงนโยบายอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงานของไทย ที่มีแนวทางการดำเนินงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566-2570 ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ แบ่งออกเป็น 13 หมุดหมายสำคัญ ซึ่งมีประเด็นเชื่อมโยงกับเรื่องพลังงาน ได้แก่ การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก การมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน การลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ ในส่วนของ สอวช. ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญที่จะร่วมขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมีโครงการที่ สอวช. มีส่วนร่วมริเริ่ม ได้แก่ โครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ที่นำร่องการสร้างระบบนิเวศและเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำในพื้นที่จังหวัดสระบุรี นอกจากนี้ยังมีการทำ Climate Tech Landscape ในรูปแบบสมุดปกขาว รวมถึงการจัดตั้งเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (Thailand Climate Business Network: Thai CBN) เพื่อร่วมกันเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยภาคพลังงาน

ในส่วนของ บพข. ได้นำเสนอประเภทการให้ทุนของหน่วยงาน โดยมีสาขาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ด้านพลังงานชีวภาพ วัสดุชีวภาพ และชีวเคมี รวมถึงด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน และมีกลไกการส่งเสริมการสร้างความเป็นเลิศของระบบอุดมศึกษาไทยในระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับความร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (Enabling programs) ผ่านโครงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติฯ (Global Partnership)  อีกทั้งยังมีสาขาที่มุ่งเน้นในการวิจัยและนวัตกรรมด้านบีซีจี  (BCG Research and Innovation) ได้แก่ พลังงานสะอาดคาร์บอนต่ำ พลังงานในสาขาการขนส่งและยานยนต์ไฟฟ้า การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โรงกลั่นชีวภาพ และแหล่งดูดซับคาร์บอน นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมและช่วยผลักดันการใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) โดยสนับสนุนทุนวิจัยให้แก่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ดำเนินงานโครงการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน (Sustainability Standards) ของวัตถุดิบสำหรับการผลิต SAF รวมถึงพัฒนาความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา รวมไปถึงภาคประชาสังคมด้วย โดยมีตัวอย่างโครงการที่ดำเนินการอยู่ อาทิ การพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพชนิดติดไฟยากจากน้ำมันปาล์มและนำร่องการทดสอบภาคสนามเชิงบูรณาการ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน การพัฒนาระบบจัดการน้ำหมุนเวียนที่ปล่อยของเหลวเป็นศูนย์ในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง ฯลฯ

ด้านผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนีได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและให้ความสนใจกับพื้นฐานการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยในด้านฐานชีวภาพ (Bio-based) นโยบาย การวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงาน นอกจากนี้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายท่อส่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน เพื่อรองรับการขนส่งและใช้งานไฮโดรเจน (Pure Hydrogen Pipeline) ของประเทศเยอรมนี ทั้งนี้เยอรมนีและไทยให้ความสนใจเป็นพิเศษในด้านการพัฒนาพลาสติกชีวภาพ (Bio-Plastic) ซึ่งมีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอด โดยเฉพาะการผลิตสารตั้งต้น (intermediate) ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ด้านการพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) และเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งทางทะเล (Bio-Fuel for Marine Transport) โดยสรุปผลจากการหารือครั้งนี้จะมีการจัดประชุมหารือในครั้งถัดไปในหัวข้อความร่วมมือที่สนใจร่วมกันอีกในรูปแบบออนไลน์เพื่อสร้างโอกาสความร่วมมือและพัฒนาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

เรื่องล่าสุด