messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. เข้าร่วมการประชุม Roundtable Conference on Civil Nuclear Power Technology and the Future Energy Industry Development และศึกษาดูงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (HL-3 Tokamak)

กระทรวง อว. โดย สอวช. เข้าร่วมการประชุม Roundtable Conference on Civil Nuclear Power Technology and the Future Energy Industry Development และศึกษาดูงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (HL-3 Tokamak)

วันที่เผยแพร่ 18 มิถุนายน 2025 31 Views

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ดร.ชาญวิทย์ อุดมศักดิกุล นักยุทธศาสตร์ 1 ฝ่ายนโยบายพัฒนาคลัสเตอร์ยุทธศาสตร์ สอวช. รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) รศ.ดร.สมศักดิ์ แดงติ๊บ ผู้จัดการศูนย์วิศวกรรมและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ชั้นสูง (สทน.) นายกมล อุ่นชู ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร (สทน.) ดร.วศิน เวชกามา วิศวกรนิวเคลียร์ชำนาญการ (สทน.) และนางสาวชัชวรรณ มั่นไทรทอง เจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ (สทน.) นางสาวลักษมณ สมานสินธุ์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ นางสาวนวลวรรณ โต๊ะทอง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ 1 กองการต่างประเทศ นางสาวนิชาดา นาคกระสันต์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้เข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กับ Nuclear Power Institute of China (NPIC) เพื่อการจัดตั้ง ห้องปฏิบัติการร่วมด้านเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Joint Laboratory on Small Modular Reactor Technology) เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้ขึ้นกล่าวในฐานะตัวแทนประเทศไทยแสดงความขอบคุณรัฐบาลจีนที่เปิดโอกาสให้ไทยร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อการใช้ประโยชน์ในทางสันติ พร้อมทั้งชื่นชมความก้าวหน้าของจีนในด้านนี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ยังเน้นย้ำถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการเรียนรู้จากประสบการณ์ของจีน เพื่อนำไปต่อยอดการพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ

จากนั้น นางสาวศุภมาส พร้อมด้วย นายศุภชัย ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)  กับ Nuclear Power Institute of China (NPIC) เพื่อจัดตั้ง “ห้องปฏิบัติการร่วมด้านเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR Joint Laboratory)” ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างฐานความรู้ การวิจัย และนวัตกรรมด้านพลังงานนิวเคลียร์ของไทย พร้อมขยายความร่วมมือในอนาคตสู่สาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การเดินหน้าร่วมมือระหว่างไทยและจีนในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน แต่ยังตอกย้ำความเป็นพันธมิตรทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative – BRI) เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกันด้วย

ในช่วงบ่าย นายศุภชัย พร้อมด้วย รศ.ดร.ธวัชชัย ดร.ชาญวิทย์ รศ.ดร.สมศักดิ์ แดงติ๊บ ผู้จัดการศูนย์วิศวกรรมและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ชั้นสูง สทน. นายกมล ดร.วศิน และนางสาวชัชวรรณ นางสาวลักษมณ นางสาวนวลวรรณ นางสาวนิชาดา ได้เข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือทวิภาคีกับ 2 หน่วยงาน ได้แก่

1. การประชุมทวิภาคีกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน (MOST)

นายศุภชัย และคณะ ได้หารือความร่วมมือทวิภาคีกับ Mr.Chen Jiachang ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน (MOST) ณ Tianfu International Convention Center โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายใต้ Belt and Road Initiative กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามใน Letter of Intent (LOI) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อแสดงเจตจำนงในการขยายความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีน และด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เน้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เทคโนโลยีสีเขียว นวัตกรรม ผู้ประกอบการ และการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ในที่ประชุม ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ยังได้นำเสนอนโยบายของกระทรวง อว. และแนวทางในการกระชับความร่วมมือในอนาคต โดยเสนอให้ทั้งสองประเทศส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงขยายความร่วมมือในสาขาเทคโนโลยีแห่งอนาคต อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เทคโนโลยีสุขภาพ, และนิวเคลียร์ฟิวชัน (Nuclear Fusion)

อว. ยังแสดงความสนใจเรียนรู้จากประสบการณ์ของจีนในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อขจัดความยากจน โดยเสนอแนวทางความร่วมมือผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนนักวิจัย การดำเนินโครงการวิจัยร่วม การจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วม (Joint Lab) การส่งเสริมนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงนโยบายด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต

ทั้งนี้ อว. และ MOST จะใช้เวทีการประชุม Joint Committee Meeting (JCM) เป็นกลไกหลักในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JCM ครั้งถัดไปในเดือนกันยายนนี้ โดยที่ผ่านมาไทย-จีนมีความร่วมมือที่ก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) และนิวเคลียร์ฟิวชัน หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Tokamak เครื่องแรกของไทย (Thai Tokamak 1)

2. การประชุมทวิภาคีกับสถาบัน SWIP และบริษัท CNNC

นายศุภชัย และคณะ ได้เดินทางไปประชุมหารือทวิภาคีกับ Mr.Zhang Kai Vice President Southwestern Institute of Physics (SWIP) และ China National Nuclear Corporation (CNNC) และเยี่ยมชมดูงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (HL-3 Tokamak) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยีฟิวชันชั้นนำของจีน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้หารือถึงความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชัน และ Small Modular Reactors (SMRs) เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด ปลอดภัย และสนับสนุนเป้าหมายการลดคาร์บอนของประเทศ ซึ่งประเทศไทยได้ลงนาม MoU ระหว่าง สทน. และ NPIC เพื่อจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้าน SMR อีกทั้งไทยยังติดตามความก้าวหน้าด้าน SMR และฟิวชันของจีนอย่างใกล้ชิด โดยประเทศไทยให้ความสำคัญกับการจัดการกากกัมมันตรังสี และมุ่งหวังที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของจีนและขยายความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในอนาคต

สถาบันฟิสิกส์ตะวันตกเฉียงใต้ หรือ SWIP เป็นหนึ่งในสถาบันหลักที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีพลังงานฟิวชันของประเทศจีน และดำเนินการงานภายใต้ร่มของหน่วยงาน CNNC ซึ่งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์เป็นอย่างมาก CNNC มีบทบาทด้านวิจัย พัฒนา และให้บริการด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์แบบครบวงจร ทั้งการผลิตและส่งออกแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ให้บริการด้านการจัดการกากกัมมันตรังสี การผลิตและส่งออกสารกัมมันตรังสี และไอโซโทปรังสี รวมไปถึง เทคโนโลยีเครื่องโทคาแมคด้วย โดยสถาบัน SWIP ได้ดำเนินการพัฒนาและวิจัยเครื่องโทคาแมคในประเทศจีนมาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันได้ย่างเข้าสู่เครื่องรุ่นที่สามที่เป็นที่รู้จักกันในนามของเครื่อง HL-3 เครื่องโทคาแมค HL-3 ของสถาบัน SWIP เป็นเครื่องโทคาแมคที่มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องโทคาแมคเครื่องแรกของประเทศไทย (Thailand Tokamak-1) ประมาณสองเท่า เครื่องโทคาแมคเครื่อง HL- 3 นี้ เริ่มปล่อยพลาสมาในปี 2020 สามารถสร้างกระแสพลาสมาได้สูงสุด 1.6 MA สามารถยกอุณหภูมิของอิเล็กตรอนได้สูงถึง 160 ล้านองศาเซลเซียส และอุณหภูมิไอออนสูงกว่า 117 ล้านองศาเซลเซียส พร้อมพัฒนาระบบจัดการและระบายความร้อนจากพลาสมาแบบใหม่ ในอนาคตอันใกล้นี้ สถาบัน SWIP มีแผนที่จะทดลองการเดินเครื่องโทคาแมค ด้วยปฏิกิริยา DT ซึ่งจะเป็นปฏิกิริยาที่ใช้ในโรงไฟฟ้าฟิวชันระดับอุตสาหกรรมความก้าวหน้าในการพัฒนานี้จะมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาพลังงานฟิวชั่นในอนาคต

นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นส่วนหนึ่งแผนที่นำทางไปสู่การใช้พลังงานฟิวชันในประเทศแล้ว สถาบัน SWIP ยัง มีบทบาทสำคัญในโครงการ ITER โดยเริ่มมีข้อตกลงวิชาการร่วมกับ ITER ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ทำให้ HL 3 เป็น Satellite Facility ของ ITER มีการจัดแคมเปญทดลอง DT และแลกเปลี่ยนนักวิจัยจากหลายประเทศ นอกจากนี้ SWIP มีส่วนร่วมกับ ITER อีกหลายด้าน ตัวอย่างเช่น การพัฒนาและจัดส่งส่วนประกอบสำคัญให้กับ ITER ได้แก่ ชิ้นส่วนแม่เหล็ก ระบบป้องกันรังสี ระบบทำความสะอาดแบบ Glow Discharge หลอดตรวจวัดนิวตรอน และอื่น ๆ และสถาบัน SWIP ได้เข้าร่วมการวิจัยและการทดลอง ที่ ITER พร้อมเปิดโอกาสให้นักวิจัยของ ITER มาดำเนินการทดลองและวิจัยที่เครื่อง HL-3 ด้วย

Tags:

เรื่องล่าสุด