(9 มิถุนายน 2568) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในการประชุมสภาวิชาการ ครั้งที่ 6/2568 จัดโดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยได้บรรยายในวาระประเด็นระดมสมองเพื่อการพัฒนาด้านวิชาการ หัวข้อ “นโยบายและแผนงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของประเทศ และกลไกสนับสนุน อววน. ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรมม (อว.)” ณ ห้องประชุมมินิเธียเตอร์ (ห้องประชุมประภาประจักษ์ศุภนิติ) ชั้น 9 สำนักงานอธิการบดี มจธ.

ดร.สุรชัย กล่าวถึงภารกิจหลักของ สอวช. ในการเป็นหน่วยงานด้านนโยบาย ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมถึงมีบทบาทสนับสนุนการดำเนินงานของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และสนับสนุนการทำนโยบายและแผนให้กับหน่วยงานพันธมิตร เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดย สอวช. จะดูนโยบายทั้งในด้านการอุดมศึกษา หรือ อ. และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ ววน.
สอวช. ได้ออกแบบนโยบายและกลไก อววน. และวางเป้าหมายสำคัญของประเทศที่ สอวช. จะร่วมขับเคลื่อน โดยมุ่งเน้น 5 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.การขยับอันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์ สู่อันดับ Top 30 ของโลก 2. การยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำด้วย อววน. จำนวน 1 ล้านคน 3. สนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก 10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 4. เพิ่มสัดส่วนแรงงานทักษะสูงขึ้นเป็น 25% ให้ทัดเทียมประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และ 5. ยกระดับสถาบันอุดมศึกษาไทยให้ติด Top 20 ของ World Class University Ranking

ดร.สุรชัย ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์และทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการปรับตัวของสถาบันอุดมศึกษา ที่ สอวช. โดย ศูนย์คาดการณ์เทคโนโลยีเอเปค (APEC Center for Technology Foresight: APEC CTF) ได้นำเครื่องมือคาดการณ์อนาคตเข้ามาช่วยวิเคราะห์และเป็นข้อมูลสนับสนุนการวางแผนการทำนโยบาย ที่ต้องคำนึงถึงทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงของโลก การเปลี่ยนแปลงขององค์กร และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกนั้นส่งผลต่อสถาบันอุดมศึกษา ที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับกับความท้าทาย ทั้งรูปแบบการจัดการศึกษาแบบ Non-age group, Non-Degree ผู้เรียนต้องเป็น Agile learners ปรับตัวเร็ว เรียนรู้เร็ว มีรูปแบบการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Personalized Education) มีแพลตฟอร์มและโมเดลการเรียนรู้ใหม่ ๆ และยังต้องมองถึงแนวโน้มอาชีพในอนาคตและทักษะในการจ้างงานด้วย

สำหรับความท้าทายของของการศึกษาไทยในอนาคต คือจำนวนเด็กที่ลดลง ทำให้แนวโน้มนักเรียนที่เลือกจะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยลดลงตามไปด้วย โดย สอวช. ได้ทำการการสำรวจความต้องการบุคลากรทักษะสูง ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2568-2572) พบว่ามีความต้องการกำลังคนรวม 1,087,548 คน โดยอุตสาหกรรมที่ต้องการกำลังคนสูงสุดคือ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
ด้านสถานภาพระบบอุดมศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบัน ดร.สุรชัย ได้ชี้ให้เห็นข้อมูลอัตราการว่างงานของบัณฑิตในสาขาต่าง ๆ พบว่าผู้ว่างงานในสัดส่วนที่มากที่สุดอยู่ในกลุ่มบัณฑิตระดับอุดมศึกษา จำนวนประมาณ 220,000 คน โดยมีตัวอย่างสาขาด้านวิศวกรรมที่มีแนวโน้มขาดแคลนในอนาคต ต้องเร่งการผลิตและพัฒนา เพื่อลดความเสี่ยงการขาดความสมดุลในตลาด (Mismatch) ได้แก่ วิศวกรโลจิสติกส์ วิศวกรโยธา วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์และคมนาคม วิศวกรคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ดร.สุรชัย ยังได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของต่างประเทศที่ใช้นวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอน เช่น กรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่มีแนวทางการผลักดันประเทศไปสู่การสร้างความสามารถทางเทคโนโลยีและการสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมีปัจจัยความสำเร็จ 3 ประการ ได้แก่ 1. เป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมและผู้ประกอบการ 2. ที่ตั้งเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ 3. การสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นและระบบนิเวศที่เอื้อต่อสตาร์ทอัพ หรือกรณีศึกษา Duy Tan University (DTU) ประเทศเวียดนาม ที่การสอนจะเน้นถ่ายทอดประสบการณ์จริง และเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติ มีการเชื่อมโยงกับบริษัททั้งในและต่างประเทศ ในการฝึกงานและการจ้างงาน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะสูง (High Skill Staff) และสามารถทำงานร่วมกับอาจารย์ได้เป็นอย่างดีด้วย
ในด้านนโยบาย กลไกสนับสนุน อววน. ของกระทรวง อว. มีนโยบายและกลไกเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม อาทิ โครงการพัฒนาทักษะกำลังคนเพื่ออนาคต (Reskill/Upskill) โครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โครงการพัฒนาทักษะเพื่อการจ้างงานตามความต้องการของประเทศ (GenNX) แพลตฟอร์มการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง ตอบการลงทุนของภาคผลิตและบริการ (STEMPlus) Cooperative and Work Integrated Education (CWIE) การบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work-integrated Learning: WiL) การยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการผลิตบัณฑิตศึกษาและวิจัยพัฒนานวัตกรรม (Hi-FI และ RDI) และการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox) โดยล่าสุดมีการอนุมัติหลักสูตรแซนด์บ็อกซ์ไปแล้ว 19 ข้อเสนอ มีเป้าหมายผลิตกำลังคน 25,905 คน นอกจากนี้ สอวช. ยังสนับสนุนให้เกิดกลไก University Holding Company (UHC) ส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยของรัฐ สามารถร่วมลงทุนกับเอกชนได้โดยตรง ซึ่งการขับเคลื่อนในขั้นต่อไปคือการสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างความร่วมมือในการจัดตั้ง UHC การพัฒนามาตรการ/กลไก ส่งเสริมระบบนิเวศการร่วมลงทุน รวมถึงการปลดล็อกข้อจำกัดอื่น ๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน

“กรอบแนวคิดการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา จะต้องมีการพัฒนากำลังคนควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนา มีระบบบริหารจัดการที่ดีเข้ามาสนับสนุน ทั้งในแง่กฎระเบียบ การยกระดับศักยภาพบุคลากร รวมถึงการสร้างเครือข่าย โดยมาตรการหรือแผนงานที่ช่วยปิดช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานของตลาดแรงงานในอนาคต ได้แก่ 1. โปรแกรมเติมเต็มสมรรถนะบัณฑิตอย่างเร่งด่วนเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลง 2. หลักสูตรนวัตกรรมการอุดมศึกษาเพื่อผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง 3. โปรแกรมการพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการฝึกอบรมระยะสั้นแบบเข้มข้นเพื่อการจ้างงาน และ 4. แพลตฟอร์มส่งเสริมการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง” ดร.สุรชัย กล่าว


หลังจากการบรรยายและแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน ดร.สุรชัย ยังได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมพื้นที่วิจัยของนักศึกษา ร่วมรับชมตัวอย่างผลงาน Physical AI และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม รวมถึงเยี่ยมชมห้องผลิตอุปกรณ์การแพทย์เฉพาะบุคคลของ บริษัท ออสซีโอแล็บส์ จำกัด ณ อาคารสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม

