(23 ธันวาคม 2568) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้รับเชิญเข้าร่วมการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของประเทศ” ในการประชุมคณะกรรมการวิจัยและนวัตกรรม (สัญจร) ครั้งที่ 5/2568 จัดโดย ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุมชั้น 22 อาคารนวัตกรรมศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ดร.สุรชัย กล่าวถึงโครงสร้างหน่วยงานและคณะกรรมการในระบบ อววน. ที่มีการปรับเปลี่ยนหลังการปฏิรูประบบ อววน. และมีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขึ้นมา โดยได้จัดประเภทหน่วยงานใหม่ แบ่งเป็นหน่วยงานในระดับนโยบายคือ สอวช. ที่รับผิดชอบการทำนโยบายทั้งด้านอุดมศึกษา (อ.) และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ในด้าน ววน. มีหน่วยงานจัดทำแผนและจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริม ววน. คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในปัจจุบันมีหน่วยบริหารและจัดการทุนรวม 10 แห่ง และมีหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่แบ่งเป็น สถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน สถาบันวิจัยของรัฐ มูลนิธิและองค์กรไม่แสวงหากำไร และภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในด้านการอุดมศึกษา มีการจัดสรรงบประมาณผ่านกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา โดยมีสถาบันอุดมศึกษารวมกว่า 174 แห่ง


บทบาทของ สอวช. จะรับผิดชอบงานธุรการและงานวิชาการของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยในเชิงวิชาการ สอวช. จะมีกระบวนการทำมาตรการ กลไก รวมถึงการทำวิจัยเชิงนโยบาย เพื่อเสนอต่อสภานโยบายในการพัฒนาไปเป็นนโยบายของประเทศต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาแผนด้านการอุดมศึกษาและแผนด้าน ววน. ของประเทศ ที่อยู่ภายใต้กรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน. จะยึดแนวทางตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในปัจจุบัน สอวช. ร่วมกับ สกสว. อยู่ระหว่างเตรียมการขึ้นรูปและร่างกรอบนโยบายฯ อววน. ปี พ.ศ. 2571 – 2575 ที่จะต้องทำให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 ที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดทำด้วย

ดร.สุรชัย ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างของหน่วยบริหารจัดการทุนในระบบวิจัยและนวัตกรรม ที่จะมีการตั้งสำนักงานเร่งรัดการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันและการพัฒนาพื้นที่ (องค์การมหาชน) หรือ รวพ. ขึ้น เป็นการควบรวมหน่วยบริการจัดการทุนเดิม 3 หน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เข้าเป็นหน่วยงานเดียว ซึ่ง รวพ. มีขอบเขตรับผิดชอบที่แตกต่างจากหน่วยงานด้านการให้ทุนในระบบวิจัยและนวัตกรรมอื่น ๆ โดยจะรับผิดชอบการบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเชิงพื้นที่ เน้นการทำงานร่วมหรือการลงทุนร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ภาคชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนชุดใหม่ (New Growth Engine) และสร้างขีดความสามารถในการพัฒนาเชิงพื้นที่

ดร.สุรชัย ได้ฉายภาพสถานการณ์โลกที่ส่งผลต่อการศึกษาและการเรียนรู้ ที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการมีวิถีชีวิตแบบหลายช่วง (Mulitistage Life) การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Disruptive Technology) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร (Demographic Change) ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (Educational Inequality) สังคมดิจิทัล (Digital Society) โดยข้อมูลจาก World Economic Forum หรือ WEF พบว่า ตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาชีพที่มีการเติบโตรวดเร็ว ได้แก่ อาชีพสายเทคโนโลยี และทักษะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าจำเป็นต้องมี ได้แก่ AI and Big data, Network and Cybersecurity ฯลฯ ในส่วนของ สอวช. ได้ทำการสำรวจความต้องการกำลังคนตามตำแหน่งงานและทักษะที่ต้องการ ในระยะ 5 ปี ( พ.ศ. 2568-2572) พบว่ามีความต้องการสูงถึง 1,087,548 คน ซึ่งการทำนโยบายก็จะต้องครอบคลุมการพัฒนากำลังคนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย

ผู้อำนวยการ สอวช. ยังได้ยกตัวอย่างนโยบายเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาที่ สอวช. ทำอยู่ อาทิ ประกาศคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างเพื่อการวิจัยและพัฒนา และเพื่อการให้บริการทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษา, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในโครงการซึ่งนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. 2566 เพื่อส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ ในรูปแบบการร่วมลงทุนเพื่อสร้างให้เกิดธุรกิจฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรมรายใหม่, การดำเนินงาน University Holding Company ที่ล่าสุดมีการจัดตั้งแล้ว 12 แห่ง มีทุนจดทะเบียนกว่า 500 ล้านบาท และมีการลงทุนในสตาร์ทอัพมากกว่า 100 บริษัท, การจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox) ที่มีหลักสูตรทั้งในรูปแบบ Top-down เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ เช่น การพัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง รวมถึงรูปแบบ Bottom-up ที่ให้มหาวิทยาลัยได้เสนอแนวทางการจัดหลักสูตรใหม่ ๆ เพื่อตอบความต้องการของประเทศ, การขับเคลื่อนระบบธนาคารหน่วยกิต (National Credit Bank), โปรแกรมการพัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการฝึกอบรมระยะสั้น แบบเข้มข้นเพื่อการจ้างงาน เช่น โครงการพัฒนาทักษะเพื่อการจ้างงานตามความต้องการของประเทศ โดย GenNX MODEL
นอกจากนี้ สอวช. ยังได้มีนำเสนอแนวทางต่อสภานโยบายในการนำ อววน. สนับสนุนการพัฒนาประเทศในระยะ 2 ปี (พ.ศ. 2569-2570) โดยประกอบด้วย กรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง กรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการแข่งขันที่ยั่งยืน การพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้า (Area based Development & Inclusive Growth) การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green SMEs) และกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรม Future Mobility ยกระดับเป็น RTC / Regional Training Center

สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป ดร.สุรชัย ได้กล่าวถึงการจัดตั้งภาคีเครือข่ายการคาดการณ์อนาคตแห่งประเทศไทย (Thailand Foresight Alliance) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาและติดตามสัญญาณอนาคตเพื่อเตรียมรับการเปลี่ยน และนำโจทย์ของประเทศมาทำร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง โดยใช้กระบวนการ Foresight เป็นเครื่องมือสำคัญ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงการจัดทำกรอบนโยบาย อววน. พ.ศ. 2571 – 2575 ที่มีแนวคิดการทำนโยบายในรูปแบบ Mission-Oriented Innovation Policy ใช้โจทย์ประเทศเป็นตัวตั้งและทำภารกิจเพื่อตอบโจทย์นั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความท้าทายและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ
