(3 ธันวาคม 2568) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เข้าร่วมบรรยายในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2026 Shift Forward: Overcoming Challenges” ในหัวข้อ “Scale up the Sustainable Innovation นโยบายยกระดับนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ โดย ดร.สุรชัย ระบุว่า ประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพารูปแบบการแข่งขันแบบเดิม เช่น ค่าแรงถูก หรือการท่องเที่ยว เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป หากต้องการเติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก จำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นฐานหลักของการพัฒนาประเทศในอนาคต

ดร.สุรชัย กล่าวว่า ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change เป็นโจทย์สำคัญของประเทศ และมี 3 ประเด็นที่ต้องเร่งขับเคลื่อน ประกอบด้วย 1. การยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่แม้จะเป็นเรื่องยากแต่เป็นหนทางเดียว ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้จริง 2. การแก้ปัญหาด้านกำลังคน ซึ่งประเทศยังขาดแคลนแรงงานทักษะสูงในหลายสาขา โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะสีเขียวและ Climate Tech ทำให้ต้องเร่งผลิตบุคลากรใหม่และปรับหลักสูตรให้ทันความต้องการของภาคอุตสาหกรรม 3. การปรับตัวให้เท่าทันมาตรฐานใหม่ของ Global Value Chain ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศต้องวัดและรายงานการปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐานสากล

ผู้อำนวยการ สอวช. มองว่า เทรนด์โลกด้านพลังงานหมุนเวียน การลดก๊าซเรือนกระจก และเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นโอกาสสำคัญของไทย ทั้งการผลิตพลังงานสะอาด การปรับตัวของเกษตรกร และต่อยอดเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพภาคการเกษตร ซี่งไทยมีศักยภาพสูงและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยตั้งเป้าเร่งเข้าสู่ Net Zero ภายใน 15 ปี โดยมีระบบสนับสนุนสำคัญจากการปฏิรูประบบวิจัยเมื่อ 6 ปีก่อน ทำให้ประเทศมีกองทุนวิจัยกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี และมีกรอบนโยบายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ที่มุ่งสนับสนุนงานวิจัยด้านพลังงานสะอาด เศรษฐกิจหมุนเวียน ความยั่งยืน และการจัดการมลพิษ ซึ่งมีนักวิจัยไทยทำงานอย่างเข้มแข็งในหลายประเด็น เช่น การจัดการของเสีย พลังงานสะอาด การจัดการภัยพิบัติ ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นต้น

ดร.สุรชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากบทบาทเชิงนโยบายระดับชาติแล้ว สอวช. ยังทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (National Designated Entity: NDE Thailand) ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยได้รับสนับสนุนเทคโนโลยีที่จำเป็นจากประเทศพัฒนาแล้ว พร้อมทั้งทำงานร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ในการเป็นผู้แทนหลักของประเทศไทยในการเจรจากลไกเทคโนโลยี (Technology Mechanism) ที่เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ สอวช. ยังมีส่วนร่วมผลักดันโครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ให้เป็นเขตนวัตกรรม Net Zero Emission นำร่องของประเทศ

ในมุมของการพัฒนาทักษะกำลังคน ดร.สุรชัย กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของภาคเอกชนและอุตสาหกรรมชี้ชัดว่าทักษะสีเขียวกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก สอวช. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน พัฒนาหลักสูตรใหม่เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มรับรองหลักสูตรเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเมื่อนำบุคลากรมาเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรที่ผ่านการพิจารณาแล้วด้วย

สำหรับการจัดทำนโยบายระยะยาว ดร.สุรชัย ระบุว่า ในแผน อววน. ใช้กระบวนการคาดการณ์อนาคต (Foresight) ครอบคลุมในทุกมิติ อาทิ ด้านกฎหมาย การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี ฯลฯ เพื่อให้การลงทุนวิจัยและการผลิตกำลังคนของประเทศสอดคล้องกับโจทย์ Climate Change และตอบความต้องการของโลกสมัยใหม่ โดยแผนปัจจุบันจะสิ้นสุดในปี 2570 ซึ่งได้วางโจทย์ใหญ่ให้ประเทศไทยเร่งลดก๊าซเรือนกระจก ยกระดับนวัตกรรม และปรับทิศทางการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยให้รองรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจแห่งอนาคต
