messenger icon
×
หน้าหลัก » ข่าวประชาสัมพันธ์ » กระทรวง อว. โดย สอวช. ชี้ ไทยต้อง “ยกระดับนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” รับมือ Climate Change ปรับระบบพัฒนากำลังคน เร่งเข้าสู่ Net Zero ภายใน 15 ปี

กระทรวง อว. โดย สอวช. ชี้ ไทยต้อง “ยกระดับนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” รับมือ Climate Change ปรับระบบพัฒนากำลังคน เร่งเข้าสู่ Net Zero ภายใน 15 ปี

วันที่เผยแพร่ 3 ธันวาคม 2025 4 Views

(3 ธันวาคม 2568) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เข้าร่วมบรรยายในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2026 Shift Forward: Overcoming Challenges” ในหัวข้อ “Scale up the Sustainable Innovation นโยบายยกระดับนวัตกรรมอย่างยั่งยืน” จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ โดย ดร.สุรชัย ระบุว่า ประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพารูปแบบการแข่งขันแบบเดิม เช่น ค่าแรงถูก หรือการท่องเที่ยว เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป หากต้องการเติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก จำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นฐานหลักของการพัฒนาประเทศในอนาคต

ดร.สุรชัย กล่าวว่า ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change เป็นโจทย์สำคัญของประเทศ และมี 3 ประเด็นที่ต้องเร่งขับเคลื่อน ประกอบด้วย 1. การยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่แม้จะเป็นเรื่องยากแต่เป็นหนทางเดียว ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้จริง 2. การแก้ปัญหาด้านกำลังคน ซึ่งประเทศยังขาดแคลนแรงงานทักษะสูงในหลายสาขา โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะสีเขียวและ Climate Tech ทำให้ต้องเร่งผลิตบุคลากรใหม่และปรับหลักสูตรให้ทันความต้องการของภาคอุตสาหกรรม 3. การปรับตัวให้เท่าทันมาตรฐานใหม่ของ Global Value Chain ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศต้องวัดและรายงานการปล่อยคาร์บอนตามมาตรฐานสากล

ผู้อำนวยการ สอวช. มองว่า เทรนด์โลกด้านพลังงานหมุนเวียน การลดก๊าซเรือนกระจก และเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นโอกาสสำคัญของไทย ทั้งการผลิตพลังงานสะอาด การปรับตัวของเกษตรกร และต่อยอดเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพภาคการเกษตร ซี่งไทยมีศักยภาพสูงและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก พร้อมเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยตั้งเป้าเร่งเข้าสู่ Net Zero ภายใน 15 ปี โดยมีระบบสนับสนุนสำคัญจากการปฏิรูประบบวิจัยเมื่อ 6 ปีก่อน ทำให้ประเทศมีกองทุนวิจัยกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี และมีกรอบนโยบายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ที่มุ่งสนับสนุนงานวิจัยด้านพลังงานสะอาด เศรษฐกิจหมุนเวียน ความยั่งยืน และการจัดการมลพิษ ซึ่งมีนักวิจัยไทยทำงานอย่างเข้มแข็งในหลายประเด็น เช่น การจัดการของเสีย พลังงานสะอาด การจัดการภัยพิบัติ ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นต้น

ดร.สุรชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากบทบาทเชิงนโยบายระดับชาติแล้ว สอวช. ยังทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (National Designated Entity: NDE Thailand) ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยได้รับสนับสนุนเทคโนโลยีที่จำเป็นจากประเทศพัฒนาแล้ว พร้อมทั้งทำงานร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ในการเป็นผู้แทนหลักของประเทศไทยในการเจรจากลไกเทคโนโลยี (Technology Mechanism) ที่เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ สอวช. ยังมีส่วนร่วมผลักดันโครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ให้เป็นเขตนวัตกรรม Net Zero Emission นำร่องของประเทศ

ในมุมของการพัฒนาทักษะกำลังคน ดร.สุรชัย กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของภาคเอกชนและอุตสาหกรรมชี้ชัดว่าทักษะสีเขียวกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก สอวช. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน พัฒนาหลักสูตรใหม่เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มรับรองหลักสูตรเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเมื่อนำบุคลากรมาเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรที่ผ่านการพิจารณาแล้วด้วย

สำหรับการจัดทำนโยบายระยะยาว ดร.สุรชัย ระบุว่า ในแผน อววน. ใช้กระบวนการคาดการณ์อนาคต (Foresight) ครอบคลุมในทุกมิติ อาทิ ด้านกฎหมาย การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี ฯลฯ เพื่อให้การลงทุนวิจัยและการผลิตกำลังคนของประเทศสอดคล้องกับโจทย์ Climate Change และตอบความต้องการของโลกสมัยใหม่ โดยแผนปัจจุบันจะสิ้นสุดในปี 2570 ซึ่งได้วางโจทย์ใหญ่ให้ประเทศไทยเร่งลดก๊าซเรือนกระจก ยกระดับนวัตกรรม และปรับทิศทางการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยให้รองรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจแห่งอนาคต

เรื่องล่าสุด