ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมกำลังเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว “อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง” ถือเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากรายงานของ McKinsey คาดการณ์ว่าตลาดโลกมีมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่
1. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, IoT, 5G, Data Center และยานยนต์ไร้คนขับ
2. ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทโฟน นาฬิกาอัจฉริยะ และเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง ซึ่งล้วนใช้ชิ้นส่วนซับซ้อนมากขึ้น อาทิ ชิปประมวลผลระดับนาโน แผ่นวงจรพิมพ์ที่มีการเชื่อมต่อภายในหนาแน่นสูง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงต่าง ๆ
จากความก้าวหน้าของสินค้าเทคโนโลยีเหล่านี้ก่อให้เกิดมูลค่ามหาศาลและส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก หลายบริษัทที่เป็นผู้เล่นหลักในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมนี้ ย้ายฐานการผลิตสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนี่คือโอกาสสำคัญของไทย หากสามารถดึงดูดโรงงานในห่วงโซ่อุปทานดังกล่าวเข้ามาตั้งฐานการผลิต จะก่อให้เกิดผลบวกต่อประเทศอย่างมาก ทั้งด้านการจ้างงาน โอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และอาจนำไปสู่การลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้เป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันไทยเริ่มมีสัญญาณบวกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง อาทิ
อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2024 มีโครงการขอรับการส่งเสริมจาก BOI สูงที่สุด มูลค่า 231,710 ล้านบาท
บริษัทผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำจากไต้หวันและจีนกว่า 60 บริษัท ย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในไทย
ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ก่อให้เกิดความต้องการแรงงานทักษะสูงถึง 6,000 – 18,000 คน ภายในปี 2573 โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ เคมี และวัสดุศาสตร์ ที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมนี้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาทักษะแก่บุคลากรด้วยการ Re-skill/Up-skill เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน โดยจำเป็นต้องมีผู้สอน (Trainer) ที่มีความรู้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมและสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนได้จำนวนมาก สอวช. จึงผลักดันโครงการการพัฒนากำลังคนร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อตอบโจทย์การจ้างงาน หรือ Job Guarantee Thailand โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อเร่งสร้างผู้สอนที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ โดยใช้กลไกร่วมกันสร้างแบบไตรภาคี (Tripartite Co-creation) ผสานจุดแข็ง 3 ฝ่าย คือ
1. ภาคอุตสาหกรรม ในการระบุถึงความต้องการของตำแหน่งงานและสมรรถนะ รวมถึงร่วมกันพัฒนากำลังคนอย่างตรงจุด
2. ภาคการศึกษาและวิจัย ที่มีบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสามารถผันตัวเป็นผู้สอนได้ และมีอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
3. สถาบันฝึกอบรมเอกชนที่มีความแข็งแกร่งในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อตอบโจทย์การจ้างงาน
โดยจะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง และพัฒนาผู้สอนจากสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 50 คน ให้มีความสามารถในการจัดฝึกอบรม พัฒนาบุคลากรกลุ่มต่าง ๆ เช่น ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน นักศึกษาที่สำเร็จ/กำลังสำเร็จการศึกษา รวมถึงบุคลากรของสถานประกอบการเพื่อให้ได้รับการจ้างงาน โดยมีเป้าหมายผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 350 คน และผู้สอนสามารถทำงานในรูปแบบเครือข่ายที่สามารถกระจายไปได้ในหลายพื้นที่ในประเทศไทย เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม นำไปสู่การจ้างงาน แก้ไขปัญหาการผลิตบุคลากรไม่ทันกับความต้องการในระยะสั้น รวมถึงพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรไทย และผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ และตามทันความต้องการของโลกในอนาคต 
