(14 พฤศจิกายน 2568) ดร.สิริพร พิทยโสภณ รองผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เข้าร่วมเสวนาในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดแนวทางการผลิตบัณฑิตในสาขาวิทยาศาสตร์อาหาร (Food Science) และเทคโนโลยีอาหาร (Food Technology) ภายใต้สถาบันอุดมศึกษากลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น (กลุ่ม 3) ซึ่งจัดโดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ณ ห้อง MAYFAIR ชั้น 11 โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ


ดร.สิริพร ได้แสดงให้เห็นถึงข้อมูลความสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารต่อเศรษฐกิจไทย ข้อมูลการจ้างงานและการดำเนินการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร ตัวอย่างโครงการสนับสนุนในระดับพื้นที่ของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) รวมถึงข้อมูลสถานการณ์ด้านกำลังคน ทั้งในด้านความต้องการ (Demand) ในเชิงปริมาณและคุณภาพ และด้านการผลิตบัณฑิต (Supply) โดยกลุ่ม มรภ. และกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ

ทั้งนี้ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารไทย พร้อมผลักดันบทบาทมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ให้เป็น “สะพานเชื่อมองค์ความรู้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก” ตามนโยบายขององคมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ดร.สิริพร ได้เสนอบทบาทของ มรภ. ในห่วงโซ่มูลค่าอาหารในจุดเน้นด้านต้นน้ำ–ปลายน้ำระดับชุมชน โดยเน้นการประยุกต์ Food Science เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งสำคัญของ มรภ. ที่มีการกระจายตัวครอบคลุมทุกภูมิภาค สามารถนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการไปประยุกต์ใช้กับผู้ผลิตชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าเกษตร และตอบโจทย์ความต้องการแรงงานของพื้นที่ได้อย่างตรงจุด โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนด้านกฎหมาย มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และการขึ้นทะเบียน อย. เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนและ SMEs สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสมัยใหม่ได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำบทบาทของ มรภ. ในการเป็นกลไกหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีอาหารของไทย
นอกจากนี้ ดร.สิริพร ยังได้นำเสนอทิศทางสำคัญ 3 ด้าน ของการจัดการเรียนการสอนในด้าน Food Science และ Food Technology ของ มรภ. ประกอบด้วย (1) การกำหนดจุดยืนและบทบาทเฉพาะในเชิงพื้นที่ (2) การปรับหลักสูตรให้เท่าทันความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ และ (3) การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงพื้นที่ผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชนในพื้นที่และหน่วยงานท้องถิ่น ทั้งนี้คาดหวังว่าการขับเคลื่อนดังกล่าวจะช่วยเสริมความเข้มแข็งในการจัดการเรียนการสอนด้านอาหารให้สามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของประเทศต่อไป