


สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสถาบันวิจัยพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ERDI) โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมเป็นเจ้าภาพมหาวิทยาลัยภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดการประชุมสัญจร ครั้งที่ 4 ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Campus) ภายใต้โครงการเครือข่ายมหาวิทยาลัยขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ระยะที่ 2 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในโครงการ Net Zero Campus และการสร้างเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวคิดจากสถาบันอุดมศึกษา เพื่อออกแบบนโยบายและยุทธศาสตร์กำหนดทิศทางและแนวทางสร้างความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาไทยในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามเป้าหมายของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก รศ. วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. และ รศ. ดร.ชูพงษ์ ทองคำสมุทร รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการกล่าวเปิดงาน

ภายในงาน ได้มีการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและกรอบแนวคิดในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่เป้าหมาย Net Zero Campus โดยผู้แทนจาก สอวช. ดร.ศรวณีย์ สิงห์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเพื่อความยั่งยืน สอวช. ได้บรรยายถึงบทบาทสำคัญของ สอวช. ในการเชื่อมโยงมหาวิทยาลัย เข้ากับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยชี้แจงถึงโครงสร้างหน่วยงานและคณะกรรมการในระบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) พร้อมทั้งการจัดการทุนภายใต้ กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่ให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงบทบาทสำคัญในการประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (NDE)
ดร.ศรวณีย์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนระดับนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของประเทศในมิติต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับการขับเคลื่อนของภาคนโยบายที่มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างหน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม, สอวช., สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ ทปอ. ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2567 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนมหาวิทยาลัยไทยในการเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายนี้ และการนำประเด็น Net Zero Campus เสนอในระดับบนานาชาติ ในเวทีการประชุม COP29 โดยมีศาสตราจารย์จาก มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และ มหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย เข้าร่วมในเวทีการประชุมด้วย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยในประเทศให้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับสากล
การดำเนินงานนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ซึ่งการสร้างเป้าหมายร่วมกันและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยถือเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero Campus ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างตัวอย่างที่สามารถกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ดำเนินการตาม ผ่านระบบ Mentorship ที่ช่วยให้มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมแบ่งปันแนวทางและกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขณะเดียวกัน การเสริมสร้างทักษะด้านสิ่งแวดล้อมหรือทักษะสีเขียวให้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัยถือเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนกองทุน ววน. เช่น Fundamental Fund และ Seed Fund ก็มีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านนี้ รวมถึงการกำหนดกรอบการรายงานผลและการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในอนาคต ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้มหาวิทยาลัยและประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยั่งยืน

หลังจากนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนี วรยศ รองผู้อำนวยการสถาบัน ได้นำเสนอหัวข้อ “แนวทางการจัดเก็บข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรในมหาวิทยาลัย” ซึ่งมุ่งเน้นการประเมินและการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากมหาวิทยาลัย โดยการปล่อยที่เกิดขึ้นจากแหล่งที่กำหนด (Scope 1) การใช้พลังงาน (Scope 2) และกิจกรรมต่าง ๆ (Scope 3) พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลและรายงานผลผ่านแพลตฟอร์มกลาง ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนามาตรการลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการติดตามผลเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero Campus อย่างยั่งยืน โดยมีการยกตัวอย่างจากต่างประเทศเพื่อเสริมความเข้าใจในกระบวนการดังกล่าวด้วย

รองศาสตราจารย์ ดร.สิริชัย คุณภาพดีเลิศ ผู้อำนวยการสถาบัน ได้บรรยายในหัวข้อ “การดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเครือข่ายมหาวิทยาลัยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยได้กล่าวถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาและอธิบายถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับการจัดเก็บและรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการรวมรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้การดำเนินงานยังครอบคลุมถึงการสำรวจข้อมูลในมหาวิทยาลัย การจัดอบรมสัญจรที่ผ่านมา การพัฒนาต้นแบบการปฏิบัติที่ดีที่สุด การสร้างฐานข้อมูลที่มีมาตรฐานและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผล รวมถึงการผลักดันงานวิจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่เป้าหมายนี้ในระยะยาว

นอกจากนี้ รศ. ดร.ชูพงษ์ ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปสู่ความเป็นกลางคาร์บอนที่น่าสนใจของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในด้านการลดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการพัฒนา อาคารสีเขียว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการขับเคลื่อนที่สำคัญของมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีแผนสร้างและปรับปรุงให้เป็นอาคารสีเขียวหลายแห่ง เช่น วิทยาลัยนานาชาติสีเขียว อาคารจอดรถสีเขียว และ Green Café รวมถึงโครงการพัฒนาหอพักนักศึกษาและหอพักบุคลากรในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง แผงโซลาร์เซลล์ (solar cell) และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการดำเนินงานสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการ Net Zero Campus



ในช่วงท้ายของการประชุม มีการระดมความคิดเห็นจากเครือข่ายมหาวิทยาลัยในหัวข้อ “แนวทางและแผนการดำเนินงาน (Roadmap) เพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” ซึ่งเป็นโอกาสให้ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแชร์ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการนี้ ทั้งในด้านแนวทางการดำเนินงานที่ได้ผล ปัญหาที่พบและวิธีการจัดการ รวมถึงข้อเสนอแนะในการสนับสนุนทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและในระดับประเทศ การอภิปรายในครั้งนี้ช่วยให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกจากประสบการณ์จริงของมหาวิทยาลัยต่างๆ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมกันหาทางออกและวิธีการที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนโครงการให้ประสบความสำเร็จในระดับเครือข่ายและภูมิภาค เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ