รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และดร.ศรวณีย์ สิงห์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเพื่อความยั่งยืน สอวช. ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เข้าร่วมการประชุมองค์กรย่อยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 62 (SB62) ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
โดยการประชุมจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16-26 มิถุนายน 2568 ประกอบด้วยการประชุมย่อยเพื่อให้คำปรึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 62 (Subsidiary Body for Scientific and Technological Advice: SBSTA) และ การประชุมองค์กรย่อยด้านการดำเนินงาน (Subsidiary Body for Implementation: SBI) สอวช. ในฐานะหน่วยประสานงานกลางด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (National Designated Entity: NDE) ซึ่งเป็นการเดินทางเข้าร่วมประชุมติดตามประเด็นเจรจาด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยร่วมกับคณะผู้แทนไทย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (National Designated Authority: NDA)
การประชุมนี้เป็นการหารือเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ สมัยที่ 30 (COP30) สำหรับประเด็นที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องด้านกลไกเทคโนโลยี คือการทบทวนบทบาทและหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารจัดการของ ศูนย์เทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Centre: CTC) เพื่อให้กลไกเทคโนโลยี (Technology Mechanism) ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก มีการกล่าวถึงการเชื่อมโยงข้อมูลและผลของการทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก (Global Stocktake) มาตั้งเป้าหมายและออกแบบกลไกเชิงโครงสร้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ของการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และการกล่าวถึงประเด็นรายงานสรุปผลของการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ประเทศไทยได้เป็นผู้แทน NDE ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในการประชุม SB60 ที่ผ่านมา โดยในเวทีการนำเสนอได้กล่าวถึงระบบนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation System) ที่ประเทศไทยเคยได้เสนอ และถูกนำกลับมาอภิปรายอีกครั้ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกลไกเทคโนโลยีและกลไกการเงินในการแก้ปัญหาอุณหภูมิของโลกและการรับมือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ภายใต้การประชุมฯ ได้มีการหารือกลไกเฉพาะเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างกลไกเทคโนโลยีและกลไกการเงิน (Linkages between the Technology Mechanism and the Financial Mechanism) และการจัดตั้งโปรแกรมการปฏิบัติการทางเทคโนโลยี (Technology Implementation Program) เพื่อให้เกิดกรอบการปฏิบัติทั้ง 2 กลไกร่วมกันด้วย
